เมนู

ส่วนการพรรณนาความ มีดังต่อไปนี้
ความที่บุคคลอาศัยมิตรสัมปทา คืออาศัยพระศาสดาหรือสพรหมจารีผู้
เป็นที่ดังแห่งความเคารพท่านใดท่านหนึ่ง รับโอวาทและอนุศาสนีจากท่านแล้ว
ประกอบโดยอุบายแยบคาย ด้วยการปฏิบัติตามที่ท่านสอน เป็นผู้ชำนาญ ใน
วิชชา 3 มีบุพเพนิวาสญาณเป็นต้น และในวิมุตติที่ต่างโดยสมาบัติ 8 และ
พระนิพพาน ที่มาอย่างนี้ว่า ในธรรมเหล่านั้น วิมุตติคืออะไร คือความ
หลุดพ้นอันยิ่งแห่งจิตและนิพพาน โดยอรรถว่า ไม่ชักช้าโดยประการนั้น ๆ
นี้ใด ผลที่ตรัสเป็นส่วนที่ แม้นี้ พึงทราบว่าอิฐผลทั้งหมดนั้นอัน บุคคล
ย่อมได้ด้วยบุญนิธินี้.

พรรณนาคาถาที่ 15


พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงนิพพานสมบัติที่พึงได้ด้วยอานุภาพ
แห่งบุญอันเป็น ส่วนแห่งความเป็นผู้ชำนาญในวิชชาและวิมุตติที่กล่าวมาก่อน
แล้ว ที่พึงบรรลุแม้โดยอำนาจแห่งไตรวิชชา และอุภโตภาควิมุตติ ด้วยคาถา
นี้อย่างนี้แล้ว บัดนี้ เพราะเหตุที่ท่านถึงความเป็นผู้บรรลุความเป็นผู้ชำนาญ
ในวิชชาและวิมุตติ แม้เป็นผู้มีวิชชา 3 และหลุดพ้นแล้ว โดยส่วน 2
[คือ เจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ ] ท่านเหล่านั้น มิใช่ได้ความเจริญแห่งคุณมี
ปฏิสัมภิทาเป็นต้นไปทั้งหมด แต่ความเจริญแห่งคุณ อันบุคคลย่อมได้ด้วย
บุญสัมปทานี้ แม้ที่ทำแล้วโดยประการนั้น ๆ โดยเป็นปทัฏฐานแห่งวิมุตตินั้น
ฉะนั้น เมื่อทรงแสดงความเจริญแห่งคุณแม้นั้น จึงตรัสคาถานี้ว่า
ปฏิสัมภิทา วิโมกข์ สาวกบารมี ปัจเจกโพธิ
และพุทธภูมิอันใด อิฐผลทั้งหมดนั้นอันบุคคลย่อมได้
ด้วยบุญนิธินี้.